สปอยนิยายเรื่อง 'Lost in Taipei' อย่างละเอียด


Lost in Taipei
(สปอย)



ว่าด้วยเรื่องตอนจบของตัวละคร

ถ้าใครตามตั้งแต่เรื่อง เฟรนด์ฉิบ มาจนถึงเรื่องนี้ จะเห็นว่าเราเขียนตอนจบไม่สวยเท่าไหร่เลย 55 คือมันจบดีนะ แต่สุดท้ายคนอ่านจะรู้สึกเหมือนถูกเราป้อนยาขม พอกินเข้าไปแล้วมันจะฝาดเฝื่อนอยู่ในลำคอ คละคลุ้งอยู่ในโพรงปาก แบบ .. ไม่อร่อยเลย แต่ถามว่ากินได้ไหม? คุณก็กินได้นะ มันแค่คงความขมเฝื่อนเอาไว้ที่ปลายลิ้น เพราะเราตั้งใจเขียนให้เป็นอย่างนั้น เขียนให้คนอ่านเอาไปคิดต่อเอง อยากให้มันตกตะกอนความรู้สึกแบบนี้แหละ

เราว่ามันน่าจะมี Space อย่างนี้ในงานเขียนของเราบ้าง จบดีมาเยอะแล้ว ถือว่านี่เป็นการลองเขียนครั้งแรกแล้วก็พบว่าสายอินดี้น้อยเหลือเกินค่ะ TvT 55 5

สำหรับเรื่อง Lost in Taipei ตอนที่เขียนพล็อต เราวางเอาไว้สองแบบค่ะ คือ หนูอัน หลงรัก อาติ แล้วอาติก็ค่อยๆ รู้ตัวว่าแอบมีหลานสาวอยู่ในใจมาตลอด แล้วค่อยแตกหน่อไปเขียนเรื่องจริงเรื่องใหญ่อีกเล่ม แต่ปรากฏว่าทำแบบนั้นมันเป็นการดูถูกน้ำใจ หลานหลาน เกินไป

อีกทั้งที่สำคัญ ... อาติเลี้ยงหนูอันมากับมือ คอยเป็นครอบครัวให้เด็กคนนี้มาตั้งแต่เกิด แน่นอนว่าความรู้สึกรักใคร่เอ็นดูในแบบอาหลานย่อมไม่มีทางเปลี่ยนแปลงไปได้ง่ายๆ แต่ที่อ่านมาจนกลางเรื่องแล้วอาติเหมือนหวั่นไหวกับหนูอันขึ้นมา นั่นไม่ใช่เพราะเขามีหลานรักอยู่ในใจนะคะ ด้วยลักษณะนิสัยของคนเจ้าชู้ มันเป็น Sense ของคนที่ผ่านความสัมพันธ์มามาก และผ่านเรื่องอย่างนั้นมาไม่น้อย และช่วงที่อาติหนีมา .. จากคนที่พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้น หลานหลานก็เข้ามาพอดี ดังที่เราเขียนอธิบายเอาไว้ในช่วงท้ายๆ จะเห็นได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มาอย่างฉาบฉวย แต่มาอย่างเข้าใจจริงๆ ค่อยๆ เข้าหาอย่างเข้าใจ ทำให้คนที่ไม่เคยจริงจังกับใคร รักใครเป็น ส่วนหนูอันก็เป็นเพียงแค่บาดแผลเล็กๆ ในใจที่ครั้งหนึ่งตัวเองเคยทำให้คนที่รักผิดหวังเท่านั้นเองค่ะ

เราเขียนให้คนอ่านรู้สึกว่า อาติมี เศษเสี้ยวที่ยังรู้สึก แต่มันก็เป็นเพียง เศษเสี้ยวที่มีค่าไม่มากเท่า ทั้งหมดที่อาติมีให้หลานหลาน

จึงสรุปได้ว่า สุดท้ายอาติก็ยังเลือกหลานหลาน เพียงแต่ไม่ได้ทำร้ายหนูอันมากเกินไป เพราะเศษเสี้ยวที่หนูอันอยากได้ เขาได้ให้เธอไปแล้ว .. และตอนสุดท้ายที่บอกให้หนูอันรอ มันก็ชัดเจนว่าอาติได้แบ่งความรักของตัวเองให้ผู้หญิงสองคนไม่เหมือนกัน

คนหนึ่ง คือรักทั้งหมดในใจ รักที่เกิดขึ้นจากรากฐานของเนื้อแท้จริงๆ ของตัวเอง หลานหลานทำให้เขาหยิบส่วนที่ดีของตัวเองออกมา และเขาก็มอบมันให้เธอมาตลอด เพียงแต่ไม่อาจพูดได้เต็มปาก เพราะยังติดความรู้สึก เศษเสี้ยวเล็กๆกับหนูอันอยู่ และอยากจะจัดการมันให้แน่ใจก่อน ค่อยยอมรับความสัมพันธ์กับเธอได้อย่างหมดจด

ในขณะที่อีกคน ก็เป็นรักบริสุทธิ์ ที่อามีให้เสมอ ยังเหมือนเดิมมาตั้งแต่แรก แต่เป็นรักที่กอปรด้วยความเข้าใจมากขึ้น เพราะจุดพีคของเรื่อง อาติรู้แล้วว่าหนูอันคิดยังไงกับตัวเอง




สำหรับ 'หนูอัน' .. จากเนื้อหาในเรื่อง หรือสำนวนของเรา ทุกคนจะรู้สึกว่ารักของหนูอันนั้นเป็นรักที่ จริงเหลือเกิน ทั้งๆ ที่มันเป็นความก้ำกึ่งระหว่าง ความรักกับความใคร่มาตั้งแต่แรก

จากบทนำ .. เราปูมาอย่างชัดเจนว่าอาติเป็นทุกอย่างให้หนูอัน เป็นทั้งครอบครัว เพื่อนเล่น เป็นที่ปรึกษา เป็นทุกอย่างให้หนูอันจริงๆ และที่จริงแท้ที่สุดคือ .. ด้วยความที่อาติเป็นครอบครัวให้หลานคนนี้ จากเด็กที่ดูเหมือนบ้านแตกสาแหรกขาด พ่อมีชู้ แม่บ้าวัตถุและหน้าตา ทำให้เธอยึดคุณอาคนนี้เป็นหนึ่งเดียวในชีวิต ยืนอยู่สูงกว่าพ่อแม่แท้ๆ ของตัวเองด้วยซ้ำ และจากทุกอย่างที่กล่าวมา วันที่เห็นอาติทำเรื่องอย่างว่ากับผู้หญิงแปลกหน้า เธอถึงนึกหึงหวง ไม่พอใจ รับไม่ได้ ที่คนที่ตัวเองทั้งเคารพทั้งเทิดทูน กลายเป็นคนอย่างนี้




ตอนนั้นหนูอันอายุแค่ 15 เมื่อเทียบกับนิสัยมักมากของพ่อตัวเอง ไม่ถือว่าแปลก แต่เมื่อเทียบกับอาติ ที่ทำพฤติกรรมเดียวกันกับพ่อตัวเอง มันถือว่า ผิดมาก ในความรู้สึกของหนูอัน แวบแรกเลยหลบเลี่ยงด้วยความรังเกียจ และเด็กอายุ 15 ก็คือเด็กอายุสิบห้าที่ยังอยู่ในวัยอยากรู้อยากลอง เธอเริ่มพฤติกรรม ช่วยตัวเองจากการที่เห็นอาติ มันมีความสุข แต่ก็ขมปร่าไปพร้อมกันเพราะสุดท้ายตัวเองก็ทำตัวไม่ต่างจากคนอื่น

และการที่อาติทำใจสู้หน้าหลานสาวไม่ได้จนหนีไป ... ก็เป็นเหตุเล็กๆ ที่ติดอยู่ในใจหนูอันมาตลอด เธอเลยเลือกจะออกไปตามหาและทำกิริยาไม่น่ารักเวลาเห็นอาติอยู่กับหลานหลาน ทีแรกมันจะเหมือนหลานสาวหวงอาตัวเอง แต่พออ่านๆ ไปมันจะเหมือนหนูอันรู้สึก อะไรๆ กับอาติจริงๆ

ซึ่งก็จริง ... แม้เราจะเขียนให้มันเป็นความก้ำกึ่งระหว่าง ความรักกับความใคร่แต่เราก็ไม่ควรตัดสินความรู้สึกเล็กๆ ของเด็กคนหนึ่งว่าผิด ไม่ถูกต้อง ในเมื่อจริงก็คือจริง จากความหึงหวงนำไปสู่ความอยากได้มาครอบครอง จนกระทั่งทำทุกอย่างเพื่อกันคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป บ่อเกิดมันก็มาจากคำว่า รัก คำเดียว




ส่วน กัน เด็กหนุ่มที่ตามตื๊อหนูอันก็เข้ามาทำให้เธอเรียนรู้ว่า ไม่รัก ยังไงก็คือ ไม่รัก มีค่าตรงตัว มันเลยกลายเป็นจุดเล็กๆ ที่ทำให้หนูอันมองเห็นบทสุดท้ายระหว่างตัวเองกับอาติด้วย เป็นที่มาว่าทำไมตอนสุดท้าย แม้จะยังทำใจไม่ได้ กล้ำกลืนฝืนทน เธอก็พยายามทำความเข้าใจและขอเพียง เศษเสี้ยวเล็กๆ ที่อาก็รู้สึก จากอาติเท่านั้น

ส่วนบทส่งท้าย .. ที่เราเฉลยว่าสองอาหลานไม่ใช่ญาติกันจริงๆ ก็เพราะเราไม่อยากตัดความหวังของคนอ่านมากเกินไป เราเขียนมาขนาดนี้ เชื่อแน่ว่าทุกคนต้องอยากให้อาติกับหนูอันลงเอยกัน ถามว่าไปต่อได้ไหม? คำตอบคือ “ไปได้ค่ะ” แต่นั่นหมายความว่าเราก็ต้องหาเหตุให้อาติเลิกกับแฟนตัวเองเหมือนกัน

แล้วถ้ามองจากมุมนี้ มองอย่างเป็นกลางมาตั้งแต่ต้นจนจบ เขารักของเขามากขนาดนั้น ถามว่า หลานหลาน ทำผิดอะไรคะ? เธอเข้ามาอย่างถูกต้อง คอยประคับประคองจนอาติเป็นผู้เป็นคน ยอมขนาดอยู่ข้างกายเขาโดยไม่เอาคำนิยามอะไรทั้งนั้น ถามว่าเธอทำผิดอะไร?




เราคิดไว้แล้วว่าต้องมีคอมเมนต์ทำนองนี้ออกมา ทีแรกก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอเจอหลายๆ คอมเมนต์เข้าก็รู้สึกขมขื่นในความรู้สึกเหมือนกัน มันเหมือนทุกคนบอกให้เราไปเลิกกับแฟนตัวเองอ่ะ ^^ 55 เรารักเค้ามากนะคะ เรารักเค้าขนาดนี้ จะคิดยังไงก็ทำร้ายคนที่ตัวเองรักไม่ลง มันไม่ควรเลยจริงๆ

ดังนั้นต้องบอกทุกคนว่า “เรื่องนี้ไม่มีพาร์ทต่อแล้วค่ะ” จบแล้วจริงๆ

อีกอย่างหนึ่งที่ทุกคนจะสังเกตได้คือ ... เรื่องที่หนูอันกับอาติไม่ใช่ญาติกันจริงๆ นี่ ไม่มีใครรู้นอกจากตัวอาติเอง พี่สาว สามีของพี่สาว และคุณปู่นะคะ คือผู้ใหญ่ที่เป็นวงในทุกคนรู้หมด ยกเว้นหนูอันคนเดียว

ที่เราเขียนแบบนี้ก็เพราะอยากให้รู้ว่า รัก ที่หนูอันรู้สึกนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเธอรู้ว่าอาติไม่ใช่อาแท้ๆ ของตัวเอง และ รัก ที่อาติให้ได้แค่เศษเสี้ยว ไม่สามารถให้ได้ทั้งหมด ก็ไม่ใช่เพราะเขารู้ว่าหนูอันไม่ใช่หลานสาวแท้ๆ ของตัวเอง แต่เพราะรู้ทั้งรู้ “แต่ไม่รักก็คือไม่รักจริงๆ” ทำยังไงก็ไม่อาจให้ใจได้ทั้งหมด จึงให้ได้แค่เศษเสี้ยว

เช่นเดียวกันกับ หลานหลาน แม้เธอจะเข้าใจว่าตัวเองถูกรักเพราะเข้ามาในช่วงที่อาติกำลังไม่มีใคร ในช่วงที่เขารู้สึกแย่ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะความพยายามของเธอ พยายามจะเข้าหาอย่างเข้าใจ พยายามจะซ่อมแซม ถ้าไม่ใช่เพราะความพยายามของเธอ คนที่ไม่เคยจริงจังกับใครอย่างอาติก็คงรักไม่ลงเหมือนกัน เธอได้รักจากเขาทั้งหมดก็เพราะ ความเป็นเธอ ทั้งนั้น เข้ามาอย่างถูกเวลาก็ใช่ เข้ามาอย่างเข้าใจก็เลยได้รักไป ก็เป็นความจริงเช่นกัน

เราเฉลยมาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าทำให้ใครอ่านเรื่องนี้จบแล้ว แล้วได้เกร็ดความคิดเป็นอย่างอื่น เราต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ ที่ไม่สามารถถ่ายทอดให้ผู้อ่านเข้าใจถึงเจตนาของตัวเองได้ ขอโทษ และขออภัยอย่างสุดซึ้ง แต่ถ้าใครที่เข้าใจได้ดังนี้ เราก็ขอขอบคุณมากๆ ที่ทำให้ความตั้งใจของเราบรรลุผล ทั้งนี้ทั้งนั้น ขอขอบคุณทุกคนที่อุดหนุนและถือหนังสือ หรือ E-Book เรื่อง ‘Lost in Taipei’ ไว้ในครอบครองด้วยค่ะ

รักคุณ


-ปริมทกานต์-

ความคิดเห็น